ที่มาของรัม
Rum ต้นกำเนิดเหล้ารัมที่เกิดจากการผลิตน้ำตาล
Credit :https://themomentum.co/
Rum หรือ เหล้ารัม เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมจากสายปาร์ตี้หลายคน เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานละมุน ดื่มง่าย เหมาะกับการนำมาเป็นส่วนผสมของค็อกเทล แต่เบื้องหลังความอร่อยนี้เกิดจากน้ำตาลทราย และ กากน้ำตาล เพียงสองอย่างเท่านั้นหรือไม่ บทความนี้เราจะพาคุณตามไปไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ
น้ำตาล จุดกำเนิดของเหล้า Rum กับความหวานอันทรงเสน่ห์
Rum หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของเหล้ารัม เป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งชนิดที่มีความเก่าแก่ อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่ผสมผสานความฉูดฉาดและน่าตื่นเต้นรวมไว้ด้วยกันอย่างน่าค้นหา เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเดินเรือ ทาส และการปฏิวัติในอเมริกัน ได้ยินแบบนี้แล้วน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ?
เรื่องราวเริ่มต้นจากชายที่มีชื่อว่า คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เขาได้นำต้นอ้อยไปปลูกในหมู่เกาะเวสต์อินดีส แถบแคริบเบียน ในปี ค.ศ. 1493 หลังจากนั้นกระแสของการปลูกอ้อยได้รับความนิยมไปทั่วทั้งเกาะ จนเกิดอุตสาหกรรมไร่อ้อยที่ใช้แรงงานทาสในการปลูกอย่างเป็นระบบ โดยหลังจากนั้นก็ได้มีการนำไปแปรรูปเป็นน้ำอ้อยและเหล้ารัมที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ถือเป็นประวัติศาสตร์การใช้แรงงานทาสที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของโลกที่น่าจดจำอย่างยิ่งทีเดียว
หลังจากที่เหล้ารัมเริ่มวางขาย ด้วยรสชาติที่หวานละมุนจากธรรมชาติ บวกกับน้ำเมรีที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการดื่ม ทำให้อีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกเริ่มทำการปลูกอ้อยและผลิตเหล้ารัมเป็นของตัวเอง โดยเริ่มจากประเทศในแถบอเมริกันจนลามไปถึงทั่วทุกมุมโลกในเวลาต่อมา
วัตถุดิบหลักในการผลิตเหล้ารัม
วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต Rum มีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ คือ น้ำตาลทรายและกากน้ำตาล ซึ่งมาจากต้นอ้อยนั่นเอง โดยส่วนมากมักจะใช้กากน้ำตาลที่เหลือจากการผลิตน้ำตาล ซึ่งในยุคแรกๆ จะนิยมใช้กากน้ำตาลผสมกับตะกอนน้ำตาล ทำให้รสชาติของเหล้ารัมยุคนั้นค่อนข้างเข้ม หลังจากนั้นในแถบประเทศอังกฤษได้พัฒนาสูตรของการหมักเหล้ารัมโดยการใช้น้ำตาลทรายแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้รสชาติของเหล้านุ่มละมุนมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นรสชาติที่เราคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นรสชาติมาตรฐานของ Rum เลยก็ว่าได้
กระบวนการผลิตเหล้ารัม
สำหรับกระบวนการผลิตเหล้า Rum คือ การนำน้ำตาลทรายหรือกากน้ำตาลมาหมักเพื่อให้เกิดแอลกอฮอล์ จากนั้นนำน้ำหมักที่ได้ในต้มเพื่อให้ระเหยกลายเป็นไอ น้ำจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีใส จากนั้นนำไปบ่มในถังไม้ โดยส่วนมากนิยมใช้ถังไม้โอ๊ค เมื่อบ่มในถังจนได้ที่จะได้เหล้ารัมอย่างที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ Rum ยังถูกปรุงแต่งให้มีความแตกต่างกันตามภูมิภาค ทำให้เกิดเอกลักษณ์เป็นของตนเองโดยนิยมนำไปผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ทำความรู้จักเหล้ารัม 7 ชนิดที่คนรักการดื่มไม่ควรพลาด !
1.Silver Rum
หรือเหล้ารัมชนิดใส มีรสชาติที่ไม่ซับซ้อน เพราะไม่มีการปรุงแต่งเพิ่มเติม เหมาะกับการนำไปผสมกับเครื่องดื่มมากกว่าการดื่มเพียวๆ
2.Gold Rum
หรือเหล้ารัมสีเหลืองทอง โดยสีที่ได้เกิดจากการบ่มในถังไม้ จากนั้นจะมีการผสมกับคาราเมล ทำให้รสชาติหวานละมุนมากกว่าเดิม หอมกลิ่นคาราเมลอ่อนๆ
3.Dark Rum
เป็นเหล้าที่มีวิธีการทำและขั้นตอนที่คล้ายกับ Gold Rum แตกต่างกันตรงที่คาราเมลที่นำมาผสมจะถูกเคี่ยวจนไหม้ ทำให้รสชาติมีความลึกกว่าและมีกลิ่นที่ชัดเจนมากกว่า
4.Spiced Rum
เหล้ารัมที่มีการหมักเครื่องเทศร่วมด้วย เช่น พริกไทยดำ อบเชยหรือวนิลา ให้ Mood & Tone เหมือนกับยาดองของไทย
5.Cachaça
เหล้ารัมที่ถูกผลิตแค่ในประเทศบราซิลเท่านั้น โดยใช้กระบวนการทำแบบดั้งเดิมคือ มีน้ำตาลทรายแดงและกากน้ำตาล แต่มีรสชาติที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์สไตล์บราซิล
6.Rhum Agricole
ผลิตมาจากวัตถุดิบดั้งเดิมเช่นเดียวกัน แต่มีความพิเศษตรงที่ทางกฎหมายได้กำหนดว่าเหล้ารัมชนิดนี้ต้องใช้อ้อยที่ถูกเก็บเกี่ยวในฤดูแล้ง และเป็นน้ำอ้อยที่คั้นสดไม่เกิน 3 วันเท่านั้น
7.Flavoured Rum
เป็นตัวแทนเหล้ารัมของคนรุ่นใหม่ เพราะมีการใช้สีและกลิ่นสังเคราะห์ที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ หากใครไม่คิดอะไรมากก็สามารถเลือกเป็นเครื่องดื่มในงานปาร์ตี้ชิวๆ ได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่เราพาไปทำความรู้จักกับเหล้ารัม ซึ่งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นนั้นหลากหลายจนสามารถนำมาสร้างหนังเป็นเรื่องๆ ได้เลย นอกจากนี้ เรายังได้เห็นพัฒนาการของเหล้า Rum ตั้งแต่สมัยยุคแรกเริ่มมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากวัตถุดิบเพียงสองอย่าง แต่สามารถสร้างความมหัศจรรย์ให้ผู้คนได้ลิ้มรสไปทั่วโลกเลยทีเดียว